BUSAN : NAMPODONG

 BUSAN : NAMPODONG STREET 

กินเพลินเดินช็อปกันที่ปูซาน

บรรยากาศฝนตกปอยๆ ตกตลอดทั้งวันทำให้แพลนที่ไปหมู่บ้านกัมชอนต้องสลับไปเป็นอีกวัน

ในวันนี้ก็เลยจัดแพลนมาเดินในย่าน downtown ของปูซานสักหน่อย

นั่นคือย่าน นัมโพดง ซึ่งจะเป็นย่านที่คึกคักเป็นแหล่งช๊อปปิ้ง

มีร้านค้าหลากหลายแบรนด์เรียกว่าแบรนด์ดังๆของเกาหลีก็สามารถหาได้จากที่นี่เลย

แต่ก่อนจะเริ่มเดินทางไปถนนนัมโพดง ก็ต้องแวะหาอะไรกินกันก่อนออกเดินทาง

เรานั่งรถบัสมายังตลาดกุกเจ ( Guukje Market ) 

หน้าตลาดจะมีขนมขึ้นชื่อของทางปูซานขาย จะเป็นแป้งที่ยัดไส้ด้วยเม็ดฟักทอง 

ตัวแป้งจะมีความหนานุ่ม รสชาติค่อนข้างที่อมหวานนิดๆเหมือนกิน ซาลาเปาทอด

แนะนำให้ลองซื้อชิมกันค่ะ เดี๋ยวจะว่ามาไม่ถึงเมืองปูซาน

เดินเข้าในตลาดให้ความรู้สึกว่าเดินอยู่ในสำเพ็งเลย เหมือนมาก แค่เปลี่ยนจาก gift shop เป็นร้านขายอาหารสด เครื่องเคียง ของหมักดองเท่านั้นเอง

เห็นรถซาเล็งละก็เพิ่มความเหมือนประเทศไทยเข้าไปอีก

สองข้างทางจะมีของหมัก พริกแกงเกาหลีและอาหารทะเลสดๆ

โดยเฉพาะปลาสด มีหลากหลายมาก

พวกสมุนไพร รวมไปถึงโสมที่ขึ้นชื่อของเกาหลี

ตลาดที่นี้มีของกินหลากหลายมาก เลือกกินไม่ถูกว่าจะเลือกกินอะไรดี

พวกเนื้อหมู เนื้อวัว ก็มี หรือจะเป็นร้านพิซซ่าก็หาทานได้

ร้านคาราโอเกะก็มี แม้จะอยู่ในตลาด็ตาม

และเราก็ไปสะดุดที่ร้านต๊อกป๊กกีร้านนี้ อยู่ตรงหัวมุมซอยก่อนจะออกอีกฝั่งตลาดดูสีสันน่ากินมาก เห็นคนต่อคิวซื้อกันเลยแวะลองสักหน่อย

รสชาติก็ไม่ได้แตกต่างอะไรมากแต่ซอสเข้มข้นดี

ต่อจากต๊อกป๊กกีก็มาซดน้ำร้อนจากโอเด้งร้านนี้ ร้านนี้มีโต๊ะให้ยืนกินข้างในมีน้ำให้ดื่ม

แม่ค้าก็น่ารักพยายามจะพูดคุยด้วย อธิบายด้วยภาษามือเพราะแม่ค้าพูดภาษาอังกฤษไม่ได้

เราสั่งโอเด้งรสเผ็ดมากิน อันนี้น้ำซุปอร่อย เผ็ดๆร้อนๆ

คิดว่ารสชาติเหมาะกับปากของคนไทยแน่นอน

โอเด้งของเกาหลีจะเหมือนกับปลาเส้น ลูกชิ้นปลาของบ้านเรา

แต่เปลี่ยนจากน้ำจิ้มเป็นแช่น้ำซุปเหมาะกับตอนที่อากาศเย็นในวันที่ฝนตกแบบนี้

ตอนเสริฟ์ก็แยกน้ำซุปมาให้ถ้วยใหญ่ แล้วก็มีถ้วยกระดาษเล็กให้คนละใบเพื่อตักน้ำซุป

จุ่มโอเด้ง ถ้วยใครถ้วยมัน ปกติแล้วจะเจอแต่แบบใส่ซุปมาในถ้วยใหญ่มาเลย

เสริฟ์บนโต๊ะหน้าตาสวยงาม แอบเอาต๊อกป๊กกีอีกร้านเข้ามากินด้วย

แต่ถึงจะมีโต๊ะแต่ก็ต้องยืนกินเป็นสไลต์แบบเกาหลี

เดินดูตลากกันต่อ..

เราเดินจนไปทะลุอีกฟากหนึ่งของตลาดและเพื่อเดินไปยังพิพิธภัณฑ์ปูซาน

ฝนยังไม่หยุดตก ตกเรื่อยๆทั้งวันพร้อมอากาศที่เย็นและลมที่พัดแรง แม้ว่าจะเป็นหน้าร้อนก็ตาม

ก็หนาวอยู่ดี

เดินถ่ายบ้านเมืองปูซานไปเรื่อย ดูสงบดีไม่วุ่นวาย

และก็มาถึงพิพิธภัณฑ์ปูซาน ด้านหน้าทางเข้าจะเหมือนโรงแรม เข้าไปด้านในก็จะมีโถงใหญ่ๆแต่ว่าเก็บภาพมาได้แค่บางส่วนเพราะเค้าไม่ให้ถ่ายรูป

ด้านในพิพิธภัณฑ์จะเล่าประวัติความเป็นมาของเมืองปูซาน เกิดขึ้นปรับปรุงเปลี่ยนแปลงในปีไหน

และยังมีโมเดลจำลองเมืองปูซานไว้ให้เราได้กดเล่นดู landmark ในปูซาน

และยังมีห้องจำลองเมืองสมัยเก่าให้ได้ชม

เมื่อออกจากพิพิธภัณฑ์แล้วเดินมาอีกหน่อยก็เป็นถยนนนัมโพดงเลย

ในถนนนี้ก็จะมีร้านค้าเสื้อผ้า แฟชั่น รองเท้า คาเฟ่ มากมายเรียงกันไปหมด

แว๊บไปได้เสื้อผ้ามาราคาก็ไม่แพงเริ่มต้นจากตัวละ 5000 วอน ( 150 บาท )

อันนี้เค้าอยู่ในช่วงลดเวลพอดี

หรือใครอยากจะได้รองเท้าที่นี้ก็มีร้านขายผ้าใบเหมือนในมยองดงเลย รุ่นใหม่ล่าสุดก็มีมา

เดินในย่านนี้ดีต่อใจตั้งแต่แบรนด์บ้านๆยังแบรนด์สากลก็มีมาให้เลือกเดินชอป

ราคาก็ไม่ได้แรง

มี CAFFE BENE ด้วยเป็นคาเฟ่ที่เห็นได้หลายๆที่ในเกาหลี

สไตล์ก็จะประมาณนี้เกือบทั้งหมดเพราะไปที่กาโรโซกิวในโซลก็เป็นแบบนี้

ร้านค้าจัดร้านได้น่ารักเกือบทุกร้าน

เดินตรงมาเรื่อยๆก็จะเห็นวงเวียนที่มีรูปปั้นอยู่ อันนี้ก็น่าเป็นจุดหลัก จุดเช็คอินของที่นี่

แวะซื้อเชอรี่กินข้างทาง ดีต่อใจแต่ราคาก็แอบแรงอยู่นะ เค้าจะใส่ถุงกระดาษเหมือนถุงกล้วยแขกบ้านเราวางขาย ไม่แน่ใจว่ามีขายตลอดรึป่าว หรือมาขายตามฤดูแต่รสชาติกรอบหวานช่ำดี

เมื่อซื้อของอะไรเสร็จแล้วก็วนกลับมาที่ตลาดอีกครั้งหนึ่ง

เพราะตั้งใจจะกลับไปกินไก่ทอดกับเบียร์

ซึ่งเป็นร้านอยู่ในตัวตลาดเลยซอยเล็กๆแต่คนเยอะมาก ท่าทางจะอร่อยเลยแวะกินกัน

ซึ่งไก่ก็กรอบอร่อยดี

กินเพิ่มกำลังกันแล้วก็ออกเดินทางไปยัง Busan Tower

ซึ่งอยู่ในสวนยงดูซาน

ทางขึ้นสวนจะดูแปลกๆหน่อย เป็นบันไดสูงๆหลังคาเขียวที่ขนานกันกับตึกทั้งสองฝั่ง

ดูแล้วไม่เหมือนทางขึ้นสวนเลย

เมื่อพ้นบันไดเขียวจะเจอลานน้ำตกเล็ก มีบ้านหลังเล็กๆน่ารักๆเรียงกันอยู่ทางขวามือ

เมื่อมองตรงไปจะมีบันไดให้ขึ้นไปอีกชั้น

เมื่อเดินขึ้นไปด้านบน จะเห็นเป็นลานใหญ่จะเห็นป้าย รูปปั้นและปูซานทาวน์เวอร์

เมื่อมองกลับไปยังวิวด้านหลังจะเห็น LOTTE MALL และนั่นก็คือจุดที่เราจะไปต่อ

แล้วเราก็มาโผล่ที่ LOTTE MALL ห้างนี้คงเป็นก้างที่ใหญ่ที่สุดของปูซาน

ที่เราไปไม่ใช่แค่ไปหลบฝน ตากแอร์ แต่สิ่งที่น่าสนใจของห้างนี้คือเค้ามีสวนด้านบนดาดฟ้า

และยังมีจุดชมวิวเมืองปูซาน

กลางห้างจะมีลานน้ำพุขนาดใหญ่ จะมีเวลาจัดแสดง ซึ่งจะมีทั้งน้ำตก น้ำพุ ไฟแสง สี เพลง

ประกอบกัน และจะมีที่นั่งเพื่อให้คนได้มานั่งชมกัน

เราเดินขึ้นไปยังชั้นบนของห้าง และจะมีป้ายบอกทางเล็กๆแบบนี้เมื่อออกจากลิฟท์

ทางเดินจะเหมือนโถงห้องน้ำในห้าง ไม่ต้องตกใจถ้าเจอป้ายนี้แสดงว่ามาถูกแล้ว

ตามลูกศรไปเลย

จากนั้นจะมีประตูให้ออกมายังลานข้างนอกในส่วนนี้จะเป็นสวน

ถ้าต้องการไปชมวิวยามค่ำคืนของเมืองปูซานแนะนำให้ขึ้นบันไดไปด้านบน

สวนด้านล่าง

เมื่อถึงชั้นต่อมา ชั้นนี้จะเป็นลานกว้าง ด้านซ้ายมือจะเป็นร้านอาหารและลานกว้างๆ

มีอุโมงค์หัวใจให้ได้เดินลอด ถัดจากนี้ก็จะมีบันไดให้ขึ้นมาอีกชั้น

เป็นชั้นสุดท้ายที่ไว้ชมวิวเมืองปูซาน

 อากาศที่หนาวกับฝนที่ตกปอยๆอย่างต่อเนื่องไม่หยุดหย่อนภาพเซทนี้จะฟุ้งฟิ้งนิดนึงเพราะถ่ายยากมาก ทั้งแแสงน้อยและฝนตก

ตรงกลางจัดข้อมูลเกี่ยวกับสะพานที่เราสามารถเห็นได้จากจุดชมวิวนี้ และรูปทรงที่แตกต่างกัน

เดาว่าน่าจะเป็นลักษณะของสะพานนั้นๆ

มาดูวิวกันดีกว่า ส่วนทางด้านซ้ายจะเป็นสะพานควางฮัน

อีกมุมจะเป็นปูซานทาวเวอร์ที่เพิ่งไปกันมา ดูสูงโดดเด่นมาก

มุมด้านขวาไม่แน่ใจว่าคือสะพานอะไรแต่คล้ายกับสะพานซังฮี้บ้านเราเลย

อยู่ได้สักพักก็ทนกระแสลม ฝน หนาวไม่ไหวลงมาเดินเล่นในห้างต่อ ที่นี้มี LINE FRIENDS ด้วย

หมีบราวน์ตัวเบอเร่อตั้งอยู่

มีการแสดงพอดี นั่งดูเพลินมาก มองน้ำเพลินจริงๆเพราะเค้าปล่อยน้ำเป็นรูปทรงต่างๆ

มีสีจากแสงไฟ และยังตามจังหวะเพลง ดูอยู่นานมาก

กลับมาที่ตลาดปลาจากัลชีย่านที่พักเพื่อจะมาหาอะไรกินเป็นมื้อสุดท้ายของวันแต่ว่าปิดหมด

เดินไปเรื่อย จนเจอซอยเล็กๆและมีร้านอาหารเล็กๆเรียงกันเป็นแถว

และก็ได้เมนูนี้มาเป็น ซีฟู๊ดหม้อไฟ ซึ่งความโหดอยู่ที่อาจุมม่าจับปลาหมึกแล้วฉีกเป็นชิ้นๆ

ต่อหน้าพร้อมหัวเราะอย่างสะใจ แล้วจุ่มปลาหมึกลงไปในหม้อน้ำเดือดๆ

.

สำหรับหม้อนี้ตกอยู่ 50,000วอน (1,500 บาท)ได้ซีฟู้ดแบบจัดเต็ม กุ้ง หอย ปู ปลา มาครบแถมมั่นใจได้เลยว่าสดเพราะฉีกปลาหมึกให้ดูกันแบบนั้น 55

และนี้คืออาจุมม่าผู้สังหารปลาหมึกสุดโหด แต่ก็ต้องขอบคุณอาจุมม่าที่ทำให้ได้กินของแปลก

และต้อนรับเป็นอย่างดี จบแล้วสำหรับวันนี้ บะบาย